Last updated: 21 ธ.ค. 2568 | 123 จำนวนผู้เข้าชม |
ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไป แล้วแต่บุคคล
สิว เกิดจากอะไร & ดูแลรักษาได้อย่างไร ?
กลไกการเกิดสิว (4 ขั้นตอนหลัก)
1. ผลิตน้ำมันมากเกินไป: ต่อมไขมันสร้างน้ำมัน (Sebum) มากผิดปกติ.
2. รูขุมขนอุดตัน: เซลล์ผิวที่ตายแล้วรวมกับน้ำมันอุดตันทางออกของรูขุมขน.
3. แบคทีเรียเจริญเติบโต: แบคทีเรีย C. acnes ที่ปกติอยู่บนผิวหนัง จะขยายพันธุ์ในรูขุมขนที่อุดตัน.
4. เกิดการอักเสบ: แบคทีเรียและสิ่งอุดตันกระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันเกิดการอักเสบ บวมแดง และมีหนอง.
ปัจจัยกระตุ้น (สาเหตุเสริม)
* ฮอร์โมน: การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน (วัยรุ่น, ประจำเดือน, ตั้งครรภ์) กระตุ้นการผลิตน้ำมัน.
* กรรมพันธุ์: มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวได้ง่ายจากพันธุกรรม.
* ปัจจัยภายนอก: ฝุ่นละออง, มลภาวะ, การแต่งหน้า (ผลิตภัณฑ์อุดตัน), เหงื่อ.
* พฤติกรรม: การทำความสะอาดผิวไม่เพียงพอ, ความเครียด, นอนน้อย, อาหาร (น้ำตาลสูง, แป้ง).
* ยา: ยาบางชนิด เช่น Corticosteroids.
ประเภทสิว
* สิวอุดตัน (Comedones): สิวหัวขาว (ปิด), สิวหัวดำ (เปิด).
* สิวอักเสบ (Inflammatory Acne): สิวแดง (Papule), สิวหัวหนอง (Pustule), สิวหัวช้าง/สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodule/Cyst).

สิวไม่อักเสบ
* สิวอุดตัน (Comedones) คือ สิวที่เกิดจากการสะสมอุดตันของไขมันส่วนเกิน เซลล์ผิวเสีย หรือสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขนจนทำให้เกิดสิวอุดตันทั้งแบบสิวหัวเปิด สิวหัวปิด หรือสิวอุดตันใต้ชั้นผิวหนัง สิวอุดตันแบ่งเป็น 2 ชนิด ได้แก่

สิวอักเสบ
* สิวอักเสบ (Papules) คือ สิวที่มีลักษณะเป็นตุ่มนูนแดงเข้มถึงสีม่วง หรือมีสีเข้มกว่าสีผิวตามธรรมชาติ เป็นสิวที่กดแล้วเจ็บ โดยมักเกิดจากสิวหัวขาวที่ถูกกระตุ้นด้วยแบคทีเรียจนทำให้เกิดการอักเสบรุนแรง
* สิวหัวหนอง (Pustules) หรือสิวหัวเหลือง คือ สิวอักเสบชนิดหนึ่งที่มีลักษณะเป็นตุ่มบวมแดงขนาดใหญ่ที่ฐาน ด้านบนเป็นหนองสีเหลือง บวมนูน เป็นหนองที่เกิดจากเซลล์เม็ดเลือดขาวที่ตายจากการต่อสู้กับเชื้อแบคที่เรียที่ทำให้เกิดการอักเสบและเป็นสิว ทั้งสิวหัวหนองขนาดเล็ก และสิวหัวหนองขนาดใหญ่
* สิวอักเสบขนาดใหญ่ (Nodules) หรือสิวไต คือ สิวอักเสบที่อยู่ชั้นผิวหนังด้านล่างคล้ายสิวหัวช้าง แต่เล็กกว่า มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดง เมื่อจับจะเป็นก้อนไตแข็งใต้ผิวหนัง ไม่มีหัว มักพบที่บริเวณใบหน้า หลัง หน้าอก สิวไตเป็นสิวที่ต้องใช้เวลาในการรักษา และอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็น
* สิวหัวช้าง (Acne conglobata) เป็นสิวอักเสบชนิดรุนแรงที่มีหัวสิวขนาดใหญ่ เป็นตุ่ม หรือก้อนไตสีแดงที่เกิดจากการอักเสบของต่อมไขมันใต้ชั้นผิวหนังบนใบหน้าที่ผลิตไขมันออกมามากกว่าปกติจนไปอุดตันรูขุมขนและเกิดเป็นสิวอักเสบ บวม นูน ที่มีอาการเจ็บรุนแรงแม้ไม่ได้กด อาการเจ็บอาจร้าวไปที่ผิวหนังรอบ ๆ โดยไม่ทุเลาลงในเร็ววัน ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและทำการรักษา
* สิวซีสต์ (Acne cysts) เป็นสิวที่มีลักษณะเป็นก้อนนูนแดงขนาดใหญ่ ภายในเป็นโพรงมีหนองปนเลือดที่เกิดจากการอักเสบรุนแรงใต้ชั้นผิวหนัง สิวซีสต์เป็นสิวที่มีระดับความเจ็บปวดมากที่สุด เป็นสิวที่มีหัวสิวหลายหัวกระจุกตัวรวมกันเป็นไตแข็ง และสามารถขยายขนาดใหญ่ขึ้นได้ หากปล่อยทิ้งไว้อาจทำให้เป็นสิวเรื้อรัง เป็นแผลเป็น หรือเป็นหลุมสิวขนาดใหญ่ ควรพบแพทย์ผิวหนังเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและทำการรักษา
*

สิว มีวิธีการรักษาอย่างไร?
เป้าหมายในการรักษาสิวของแพทย์ผิวหนัง คือ การช่วยให้สิวยุบตัวลงโดยเร็ว หยุดการเกิดสิวใหม่ และป้องกันการเกิดแผลเป็น โดยแพทย์จะพิจารณาให้ยารักษาสิวทั้งชนิดรับประทาน หรือชนิดที่ทาภายนอก โดยคำนึงถึง อายุ ชนิดของสิว และระดับความรุนแรง และช่วยลดการทำงานของต่อมไขมันบนใบหน้า การเกาะตัวกันของเซลล์ในรูขุมขนที่ผิดปกติ รวมถึงช่วยลดระดับไขมันใต้ชั้นผิวหนัง ลดแบคทีเรีย และลดการอักเสบ
ยาทาเฉพาะที่ หรือยารักษาสิวชนิดใช้ภายนอก (Topical medications)
* ยาปฏิชีวนะชนิดทา (Topical antibiotics) โดยใช้ร่วมกับยาทาเฉพาะที่ชนิดอื่น เช่น ยาเบนโซอิลเพอร์ออกไซด์ (Benzoyl peroxide) เพื่อยับยั้งแบคทีเรีย และลดการผลิตน้ำมัน
* ยาทาเรตินอยด์ (Retinoids) ที่มีส่วนผสมของอนุพันธ์วิตามิน A เพื่อรักษาสิวและรอยโรคที่อาจทำให้เกิดสิวซ้ำ และช่วยลดเลือนริ้วรอยจากแผลเป็น
* กรดอะเซลาอิก (Azelaic acid) และกรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) มีคุณสมบัติต้านเชื้อแบคทีเรีย ช่วยสลายสิวหัวดำและสิวหัวขาว และยังช่วยลดการผลัดเซลล์ผิวในรูขุมขน
* ซัลเฟอร์ (Sulfur) หรือกำมะถัน มีประสิทธิภาพช่วยสลายสิวหัวดำ และสิวหัวขาว
ยารักษาสิวชนิดรับประทาน (Oral medications)
* ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics) ที่ช่วยชะลอ หรือหยุดการเจริญเติบโตของแบคทีเรียและลดการอักเสบ โดยแพทย์จะสั่งยาปฏิชีวนะชนิดรับประทานร่วมกับชนิดที่ใช้ทาภายนอกสำหรับสิวที่มีระดับความรุนแรงปานกลางถึงรุนแรงมาก เช่น สิวอักเสบชนิดรุนแรง หรือสิวเรื้อรัง
* ยาคุมกำเนิดชนิดรับประทาน (Oral contraceptives)ช่วยปรับสมดุลฮอร์โมนแอนโดรเจนที่เป็นสาเหตุหนึ่งของการเกิดสิว
* ฮอร์โมนต้านฤทธิ์แอนโดรเจน (Anti-androgen agents) เป็นยาต้านฮอร์โมนแอนโดรเจนสำหรับผู้หญิง มีคุณสมบัติช่วยลดผลกระทบของฮอร์โมนแอนโดรเจนที่ส่งผลต่อการทำงานของต่อมไขมันใต้ผิวหนัง
....
....
ปรึกษาคุณหมอหรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่
Tel : 063-959-4392
Line: http://line.me/ti/p/@Demedclinic
Line: @Demedclinic
Wechat/Whatsapp: Demedclinic
IG: https://www.instagram.com/drsuparuj
FB: www.facebook.com/drsuparuj
Youtube: https://bit.ly/3p20YLE
Blockdit: https://bit.ly/3d8vYr1
TikTok : https://vt.tiktok.com/ZSJ141Mdf/
X.com : https://mobile.twitter.com/drruj1
Lemon8 : https://s.lemon8-app.com/s/GgUZYhfpSs
www.demedclinic.com / www.demedhaircenter.com